วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เรื่องแปลกบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
วันเสาร์, ตุลาคม 24, 2009
เรื่องแปลกบนโลก เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
เรื่องแปลกบนโลก เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
1. ผีเสื้อรับรสด้วยเท้าของมัน
2. เสียงร้องของเป็ด จะไม่เป็นเสียงสะท้อน (echo) ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
3. ในเวลา 10 นาที พายุเฮอริเคน... มีพลังมากกว่า..พลังงานนิวเคลียร์
4. ช้าง..เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลก ที่ไม่สามารถกระโดดได้
5. ผู้หญิง... กระพริบตา...มากกว่า..ผู้ชาย..ถึง 2 เท่า
6. แปลก... ที่มนุษย์เรา... ไม่สามารถเลียข้อศอก...ของตัวเองได้
7. ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า จมลงในดิน 1 นิ้วทุกปี เพราะวิศวกรลืมคำนวณถึงน้ำหนักหนังสือ
8. หอยทาก...สามารถนอนหลับได้ 3 ปี
9. ตาของเรา...จะขนาดเท่าเดิมตลอด...ตั้งแต่เกิด แต่จมูกและหู...จะไม่หยุดโต
10. เก้าอี้ไฟฟ้า (สำหรับประหารชีวิตนักโทษ) ออกแบบโดยหมอฟัน
11. หมีขั้วโลกทุกตัว...จะถนัดมือซ้ายทั้งนั้น
12. สมัยอียิปต์โบราณ พระ...จะถอนขนทุกเส้นในตัวรวมถึงคิ้วและขนตา....โอยยย
13. ตาของนกกระจอกเทศ ใหญ่กว่า...หัวสมอง..ของมันซะอีก
14. คำว่า ...TYPEWRITER ... เป็นศัพท์ที่ยาวที่สุดที่คุณจะนึกออก.....ในแป้นพิมพ์แถวเดียวกัน
15. เกือบทุกคน..ที่อ่านเรื่องนี้... พยายามที่จะเลียข้อศอกของตัวเอง...
เขียนโดย _kaew_ ที่ 8:24 หลังเที่ยง
เรื่องแปลกบนโลก เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
เรื่องแปลกบนโลก เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
1. ผีเสื้อรับรสด้วยเท้าของมัน
2. เสียงร้องของเป็ด จะไม่เป็นเสียงสะท้อน (echo) ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
3. ในเวลา 10 นาที พายุเฮอริเคน... มีพลังมากกว่า..พลังงานนิวเคลียร์
4. ช้าง..เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลก ที่ไม่สามารถกระโดดได้
5. ผู้หญิง... กระพริบตา...มากกว่า..ผู้ชาย..ถึง 2 เท่า
6. แปลก... ที่มนุษย์เรา... ไม่สามารถเลียข้อศอก...ของตัวเองได้
7. ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า จมลงในดิน 1 นิ้วทุกปี เพราะวิศวกรลืมคำนวณถึงน้ำหนักหนังสือ
8. หอยทาก...สามารถนอนหลับได้ 3 ปี
9. ตาของเรา...จะขนาดเท่าเดิมตลอด...ตั้งแต่เกิด แต่จมูกและหู...จะไม่หยุดโต
10. เก้าอี้ไฟฟ้า (สำหรับประหารชีวิตนักโทษ) ออกแบบโดยหมอฟัน
11. หมีขั้วโลกทุกตัว...จะถนัดมือซ้ายทั้งนั้น
12. สมัยอียิปต์โบราณ พระ...จะถอนขนทุกเส้นในตัวรวมถึงคิ้วและขนตา....โอยยย
13. ตาของนกกระจอกเทศ ใหญ่กว่า...หัวสมอง..ของมันซะอีก
14. คำว่า ...TYPEWRITER ... เป็นศัพท์ที่ยาวที่สุดที่คุณจะนึกออก.....ในแป้นพิมพ์แถวเดียวกัน
15. เกือบทุกคน..ที่อ่านเรื่องนี้... พยายามที่จะเลียข้อศอกของตัวเอง...
เขียนโดย _kaew_ ที่ 8:24 หลังเที่ยง
10 อันดับสัตว์ที่นิยม
10 อันดับสัตว์เลี้ยงเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก.....อันดับ 10 เจ้าวัวแองกัส และเจ้าแกะแลร์รีได้รับทรัพย์สมบัติจากพระมารดาของพระราชินีนาถแห่งอังกฤษก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ โดยทรงมอบเงินจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ให้กับฝูงวัวอาเบอร์ดีน 150 ตัว และฝูงแกะเชฟวิออต 200 ตัว ของฟาร์มแคสเซิล ออฟเมย์ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วพวกมันแต่ละตัวจะได้รับพระราชทานเป็นเงินจำนวนตัวละเกือบ 16,000 ดอลลาร์ทีเดียว บางทีพวกมันอาจจะเป็นฝูงสัตว์ที่ร่ำรวยที่สุดในอังกฤษในตอนนั้นก็เป็นได้ อันดับ 9 ท็อปแคท และมาทิลดาเจ้าเหมียวคู่รักของบรรณารักษ์ในอาร์เบอร์ดีนที่เกษียณแล้ว ซึ่งเสียชีวิตในตุลาคมปี 2004 โดยทิ้งเงินไว้ให้น้องแมว 2 ตัวนี้ตัวละ 20,000 ดอลลาร์ ทั้งๆ ที่ ตอนเธอมีชีวิตอยู่ค่อนข้างตระหนี่ถี่ถ้วนในการใช้เงิน ไม่ว่าจะเดินทางไปทุกที่ด้วยรถเมล์ แต่เธอกลับเห็นว่าแมวทั้ง 2 ของเธอมีค่าเพียงพอสำหรับเงินจำนวนนั้นอับดับ 8 เต่าซิลเวอร์สโตนไม่เพียงแต่น้องหมา หรือน้องแมวที่จะได้รับมรดก แต่เจ้าเต่าซิลเวอร์สโตน วัย 50 ปี 1 ในเต่าสัตว์เลี้ยงแสนรักอีก 6 ตัวของคริสตินา ฟอยล์ก็ได้รับมรดกกับเขาด้วย โดยเธอทิ้งเงิน 200,000 ดอลลาร์ไว้ให้กับเต่าทั้ง 6 จนกระทั่งมี 1 ตัวตายไป จึงเหลือเต่าเพียง 5 ตัวเท่านั้น ส่วน เจ้าซิลเวอร์สโตนนี้อยู่ในความดูแลของอดีตแม่บ้านของฟอยล์ มัวรีน ฮาร์ดิง อันดับ 7 เจ้าเหมียวพอร์กี้ ไพรด์ จอย และโรนัลด์แมวน้อยๆ ของราชินีร้านหนังสือ คริสตินา ฟอยล์ เจ้าของร้านหนังสือฟอยล์ในแชร์ริง ครอส โรด ซึ่งหมดอายุขัยในปี 1999 ทิ้งทรัพย์สิน 118 ล้านดอลลาร์ รวมถึงพินัยกรรมไว้สำหรับแมวเหมียวของเธอด้วย โดยเจ้าเหมียวแต่ละตัวจะได้เงินตัวละ 35,000 ดอลลาร์ อันดับ 6 เจ้าเหมียวทิงเกอร์สัตว์เลี้ยงเพื่อนสนิทของแม่ม่ายมาร์กาเร็ต เลน ซึ่งเสียชีวิตในปี 2003 ด้วยวัย 89 ปี โดยเจ้าทิงเกอร์ได้รับมรดกเป็นบ้าน 3 ห้องนอนในมิดเดิลเซ็กส์ และเงินทุนอีก 200,000 ดอลลาร์ เพื่อให้ผู้พิทักษ์มรดกคอยส่งน้ำ อาหารและนม ให้กับเจ้าเหมียว ผู้โชคดีตัวนี้อันดับ 5 แจสเปอร์สุนัขพันธุ์ผสมลาบราดอร์-เบอร์แมน จากเด็ก (หมา) บ้านแตก ใช้ชีวิตในสถานสงเคราะห์สุนัขแบตเทอร์ซี แล้วจึงได้รับความเมตตาจากทายาทโรงเบียร์ ไดอานา มายเบิร์ก ซึ่งเสียชีวิตในปี 1995 โดยเธอทิ้งเงินทุนไว้ให้เจ้าแจสเปอร์ และสุนัขอีกตัวหนึ่ง ตัวละ 50,000 ดอลลาร์ และเมื่อสุนัขอีกตัวตาย เจ้าแจสเปอร์จึงได้รับมรดกสืบทอดต่อมา และลูกเขยของมายเบิร์กก็นำเงินทุนดังกล่าวเข้าตลาดหุ้น ทำให้ทรัพย์สินของเจ้าแจสเปอร์พุ่งขึ้นเป็น 3 เท่าทีเดียว อันดับ 4 ทีนา และเคตสุนัขพันธุ์คอลลี ครอสเซส สัตว์เลี้ยงของนอรา ฮาร์ดเวลล์ ซึ่งเสียชีวิตก่อนวันเกิดครบ 90 ปีของเธอ 1 วัน ด้วยความกังวลว่าสุนัขของเธอทั้ง 2 ตัวจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเปี่ยมสุขในช่วงเวลาที่เหลือ เธอจึงเขียนพินัยกรรมยกบ้าน และที่ดิน5 เอเคอร์ในพีซดาวน์ เซนต์ จอห์น พร้อมเงิน 900,000 ดอลลาร์ไว้ใช้จ่ายสำหรับพวกมันในแต่ละวันด้วยอันดับ 3 เจ้าทรอบเบิลมอลติซเทอร์เรียแสนรักที่เพิ่งได้มรดก 12 ล้านดอลลาร์มาสดๆ ร้อนๆ จากลีโอนา เฮล์มสลีย์ ฉายาราชินีใจร้าย หลังจากเธอตัดหลาน 2 คนออกจากกองมรดก แล้วแบ่งปันเงินให้กับทั้งโชเฟอร์คนสนิท การกุศล และเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักตัวนี้ซึ่งตามคำบอกเล่าของสาวใช้ประจำบ้านของเฮล์มสลีย์ระบุว่า เจ้าทรอบเบิลกินอาหารเหมือนกับคน และยังต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โดยที่คนรับใช้ต้องคอยป้อนข้าวเข้าปากเท่านั้น ไม่เช่นนั้นมันจะไม่กิน อันดับ2 คาลูลิงชิมแปนซีสุดหวงของแพตทริเซีย โอนีล ภรรยาของแฟรงก์ โอนีล อดีตนักว่ายน้ำทีมชาติออสเตรเลีย ที่ได้รับมรดกมาถึง 80 ล้านดอลลาร์ หลังจากทั้งคู่ผูกพันกันมานับตั้งแต่พบกันครั้งแรกนอกเขตทำสงครามในอาร์เจนตินา ขณะที่เจ้าคาลูไม่เคยเป็นมิตรกับมิสเตอร์โอนีล คู่ครองของแพตทริเซียเลยและ อันดับ 1 เจ้ากุนเธอร์ที่ 4สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด สัตว์เลี้ยงของนักร้องสาวสุดฮอต มาดอนนา ซึ่งมีทรัพย์สินทั้งหมด 180 ล้านดอลลาร์โดยเจ้ากุนเธอร์ที่ 4 ได้รับมรดกสืบทอดมาจากพ่อของมัน คือกุนเธอร์ที่ 3 ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเคาต์เทสคาร์ลอตตาลีเบนสไตน์แห่งเยอรมัน ที่ทิ้งมรดก 86 ล้านดอลลาร์หลังเธอสิ้นชีวิตในปี 1992ไม่เพียงแค่ทรัพย์สินที่เป็นเงินทองเท่านั้น แต่เจ้ากุนเธอร์ที่ 4 ยังมีที่ดินในบาร์ฮามาส อิตาลี และเยอรมนีด้วย และที่น่าอิจฉายิ่งไปกว่านั้น คือคฤหาสน์ของมันยังมีสระว่ายน้ำ กับสาวในชุดบิกีนีรายล้อมด้วย
เขียนโดย kaew ที่ 9:32 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
10 ขนมอันตราย
---10 ขนมอันตราย ---ตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจ ของราชพฤกษ์โพล คณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภท จากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียน ในพื้นที่17 เขตของกรุงเทพมหานคร พบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็ก โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆ โดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไป ซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกาย อาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้ 10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้ง ที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้ 1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโตป้ง 2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้มป้ง 3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวกี่ 4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่ษ 5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง 6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก 7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ 8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา 9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา 10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ
เขียนโดย kaew ที่ 9:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เขียนโดย kaew ที่ 9:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
Lincoln High School
Kiwi Centre(Thailand) ร่วมกับ Lincoln High School , New Zealand ขอเชิญน้องๆนักเรียนชาย-หญิง อายุ 13-18 ปี เข้าร่วมโปรแกรม STUDY PROGRAMME ระยะเวลา 4 สัปดาห์ รายละเอียดดังนี้โรงเรียน : Lincoln High School
เมือง : Lincoln, Christchurch, South Island, New Zealand
ระยะเวลา : 4 weeks(15 March 09 – 12 April 09) เดินทางโดยสายการบิน Singapore Airline (จอทีวีส่วน ตัวทุกที่นั่ง)
ลักษณะโปรแกรม : เรียนวิชาภาษาอังกฤษ(ESOL) และวิชาพื้นฐานอื่นๆ แยกตามระดับอายุ ร่วมกับนักเรียนชาวนิวซีแลนด์ในวันจันทร์ถึงศุกร์ พร้อมกิจกรรมในช่วง บ่าย(บางวัน) และโปรแกรมทัศนศึกษาในช่วงวันหยุด
Highlight : 3 Days Trip - Queenstown, Viewing Bungy Jumping, Luge and Gondola, Puzzling WorldDay Trip - Christchurch City Tourค่าลงทะเบียน : 149,000 Bahtปฐมนิเทศ : Sun 01 March 2009รายละเอียดค่าลงทะเบียนอัตราดังกล่าวรวมค่าตัวเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัด, ค่าลงทะเบียนเรียน พร้อมกิจกรรมต่างๆ, ค่าที่พักกับครอบครัวชาวนิวซีแลนด์ 1-2 ท่าน/ครอบครัวพร้อมอาหาร 3 มื้อ/วัน, รถรับ-ส่งสนามบิน, รถรับ-ส่ง บ้าน-โรงเรียนในวันจันทร์ถึงศุกร์ ภาษีสนามบินกรุงเทพฯ และนิวซีแลนด์, ค่าธรรมเนียมวีซ่า, ประกันอุบัติเหตุ และสุขภาพตลอดการเดินทาง พร้อม Group Leader ที่มีประสบการณ์ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆรายละเอียดโปรแกรมเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรียนวิชาพื้นฐานอื่นๆ ร่วมกับนักเรียนชาวนิวซีแลนด์ ในช่วงวันจันทร์ ถึง ศุกร์ พร้อมกิจกรรมในช่วงบ่าย(บางวัน) และโปรแกรมทัศนศึกษาในช่วงวันหยุดHIGHLIGHT โปรแกรมท่องเที่ยว / กิจกรรม3 Days Trip - Queenstown, Viewing Bungy Jumping, Luge and Gondola, Puzzling WorldDay Trip - Christchurch City Tour, Sheep Farm, Horse riding, Laser Strike และอื่นๆ อีกมากมายหลักฐานการสมัครเรียน / ยื่นขอวีซ่ารูปถ่ายของนักเรียนขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูปสำเนาสูติบัตร หรือบัตรประชาชนของนักเรียน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดหนังสือเดินทางจดหมายรับรองจากโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ 1 ชุดสำเนาทะเบียนบ้านของนักเรียน และบิดา มารดา พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดหนังสือรับรองการทำงานของบิดา มารดา หรือสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลกรณีประกอบธุรกิจส่วนตัวจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร หรือ สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนของบิดา หรือมารดาพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดจดหมายยินยอมให้เดินทางจากบิดามารดา/ผู้ปกครอง (ขอรับได้ที่สำนักงาน)
เขียนโดย kaew ที่ 3:56 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เมือง : Lincoln, Christchurch, South Island, New Zealand
ระยะเวลา : 4 weeks(15 March 09 – 12 April 09) เดินทางโดยสายการบิน Singapore Airline (จอทีวีส่วน ตัวทุกที่นั่ง)
ลักษณะโปรแกรม : เรียนวิชาภาษาอังกฤษ(ESOL) และวิชาพื้นฐานอื่นๆ แยกตามระดับอายุ ร่วมกับนักเรียนชาวนิวซีแลนด์ในวันจันทร์ถึงศุกร์ พร้อมกิจกรรมในช่วง บ่าย(บางวัน) และโปรแกรมทัศนศึกษาในช่วงวันหยุด
Highlight : 3 Days Trip - Queenstown, Viewing Bungy Jumping, Luge and Gondola, Puzzling WorldDay Trip - Christchurch City Tourค่าลงทะเบียน : 149,000 Bahtปฐมนิเทศ : Sun 01 March 2009รายละเอียดค่าลงทะเบียนอัตราดังกล่าวรวมค่าตัวเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัด, ค่าลงทะเบียนเรียน พร้อมกิจกรรมต่างๆ, ค่าที่พักกับครอบครัวชาวนิวซีแลนด์ 1-2 ท่าน/ครอบครัวพร้อมอาหาร 3 มื้อ/วัน, รถรับ-ส่งสนามบิน, รถรับ-ส่ง บ้าน-โรงเรียนในวันจันทร์ถึงศุกร์ ภาษีสนามบินกรุงเทพฯ และนิวซีแลนด์, ค่าธรรมเนียมวีซ่า, ประกันอุบัติเหตุ และสุขภาพตลอดการเดินทาง พร้อม Group Leader ที่มีประสบการณ์ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆรายละเอียดโปรแกรมเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรียนวิชาพื้นฐานอื่นๆ ร่วมกับนักเรียนชาวนิวซีแลนด์ ในช่วงวันจันทร์ ถึง ศุกร์ พร้อมกิจกรรมในช่วงบ่าย(บางวัน) และโปรแกรมทัศนศึกษาในช่วงวันหยุดHIGHLIGHT โปรแกรมท่องเที่ยว / กิจกรรม3 Days Trip - Queenstown, Viewing Bungy Jumping, Luge and Gondola, Puzzling WorldDay Trip - Christchurch City Tour, Sheep Farm, Horse riding, Laser Strike และอื่นๆ อีกมากมายหลักฐานการสมัครเรียน / ยื่นขอวีซ่ารูปถ่ายของนักเรียนขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูปสำเนาสูติบัตร หรือบัตรประชาชนของนักเรียน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดหนังสือเดินทางจดหมายรับรองจากโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ 1 ชุดสำเนาทะเบียนบ้านของนักเรียน และบิดา มารดา พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดหนังสือรับรองการทำงานของบิดา มารดา หรือสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลกรณีประกอบธุรกิจส่วนตัวจดหมายรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร หรือ สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนของบิดา หรือมารดาพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ชุดจดหมายยินยอมให้เดินทางจากบิดามารดา/ผู้ปกครอง (ขอรับได้ที่สำนักงาน)
เขียนโดย kaew ที่ 3:56 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
sommer สิงคโปร์
วันอังคาร, กันยายน 15, 2009
sommer สิงคโปร์
คุ้มสุดC 72,000 บาทค่าเรียนภาษาอังกฤษ+จีน หรืออังกฤษอย่างเดียวเต็มวัน ระยะเวลา 1 เดือน ค่าที่พัก 1เดือน ห้องเดี่ยว ค่าซักรีด ค่ารับสนามบินราคาข้างต้นยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วราคาถูกของ Air Asia, Tiger Air, Jet star ในเว็บไซด์สายการบินได้เลย
เขียนโดย kaew ที่ 4:04 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
sommer สิงคโปร์
คุ้มสุดC 72,000 บาทค่าเรียนภาษาอังกฤษ+จีน หรืออังกฤษอย่างเดียวเต็มวัน ระยะเวลา 1 เดือน ค่าที่พัก 1เดือน ห้องเดี่ยว ค่าซักรีด ค่ารับสนามบินราคาข้างต้นยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วราคาถูกของ Air Asia, Tiger Air, Jet star ในเว็บไซด์สายการบินได้เลย
เขียนโดย kaew ที่ 4:04 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เเปลก OoO เเต่จิงปลารักษาโรค !!!!
วันอาทิตย์, กันยายน 20, 2009
เเปลก OoO เเต่จิงปลารักษาโรค !!!!
มัจฉาบำบัด หรือ มัตสยาบำบัด
(อังกฤษ: Fish spa) เป็นรูปแบบหนึ่งของสปาด้วยวิธีการวารีบำบัด โดยการใช้ปลาขนาดเล็ก ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) จำพวกปลาเลียหิน (Garra) หรือ ปลาเล็บมือนาง (Crossocheilus) ให้ตอดตามผิวหนังของผู้ที่รับการบำบัด เพื่อขจัดผิวหนังชั้นนอกที่เป็นเซลล์ที่ตายแล้วออก เพื่อให้ร่างกายสร้างผิวหนังใหม่ขึ้นทดแทน เพื่อเป็นการป้องกันและรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ด้วยโดยมัตสยาบำบัดนั้นเริ่มต้นขึ้นแรกที่ประเทศตุรกี โดยปลาพื้นเมืองของตุรกี คือ Garra rufa ซึ่งเป็นปลาพื้นเมืองของตุรกี ที่มีความเหมาะสมในการดูดผิวหนังมนุษย์โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง ต่อมารูปแบบของสปาแบบนี้ได้เริ่มแพร่หลายไปในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วยโดยการทำธุรกิจมัตสยาบำบัดนั้น คล้ายกับการเลี้ยงปลาในตู้เลี้ยง มีบ่อบำบัดน้ำและมีระบบน้ำวนเพื่อความสะอาดของน้ำด้วย ซึ่งปลาที่ใช้ได้นอกจาก Garra rufa แล้วยังสามารถใช้ปลาชนิดอื่นในสกุลเดียวกันชนิดอื่นได้ด้วย เช่น Garra sp. รวมถึงปลาในวงศ์อื่นได้ด้วย เช่น ปลาทอง หรือปลาหมอสีขนาดเล็กมัตสยาบำบัดนั้น นับว่าได้ผลอย่างมาก จนในภาษาอังกฤษเรียกปลาที่ใช้ในการบำบัดว่า "Doctor fish"
เขียนโดย kaew ที่ 6:44 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เเปลก OoO เเต่จิงปลารักษาโรค !!!!
มัจฉาบำบัด หรือ มัตสยาบำบัด
(อังกฤษ: Fish spa) เป็นรูปแบบหนึ่งของสปาด้วยวิธีการวารีบำบัด โดยการใช้ปลาขนาดเล็ก ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) จำพวกปลาเลียหิน (Garra) หรือ ปลาเล็บมือนาง (Crossocheilus) ให้ตอดตามผิวหนังของผู้ที่รับการบำบัด เพื่อขจัดผิวหนังชั้นนอกที่เป็นเซลล์ที่ตายแล้วออก เพื่อให้ร่างกายสร้างผิวหนังใหม่ขึ้นทดแทน เพื่อเป็นการป้องกันและรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ด้วยโดยมัตสยาบำบัดนั้นเริ่มต้นขึ้นแรกที่ประเทศตุรกี โดยปลาพื้นเมืองของตุรกี คือ Garra rufa ซึ่งเป็นปลาพื้นเมืองของตุรกี ที่มีความเหมาะสมในการดูดผิวหนังมนุษย์โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง ต่อมารูปแบบของสปาแบบนี้ได้เริ่มแพร่หลายไปในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วยโดยการทำธุรกิจมัตสยาบำบัดนั้น คล้ายกับการเลี้ยงปลาในตู้เลี้ยง มีบ่อบำบัดน้ำและมีระบบน้ำวนเพื่อความสะอาดของน้ำด้วย ซึ่งปลาที่ใช้ได้นอกจาก Garra rufa แล้วยังสามารถใช้ปลาชนิดอื่นในสกุลเดียวกันชนิดอื่นได้ด้วย เช่น Garra sp. รวมถึงปลาในวงศ์อื่นได้ด้วย เช่น ปลาทอง หรือปลาหมอสีขนาดเล็กมัตสยาบำบัดนั้น นับว่าได้ผลอย่างมาก จนในภาษาอังกฤษเรียกปลาที่ใช้ในการบำบัดว่า "Doctor fish"
เขียนโดย kaew ที่ 6:44 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เรียนที่คณะ ICT
เรียนที่คณะ ICT อนาคตดี จริงๆ นะในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความต้องการผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีเพิ่มมากขึ้น และปัจจุบัน ประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรทางด้านนี้ถึงปีละกว่า 20,000 คน เลยทีเดียว คณะ ICT มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคณะที่มุ่งผลิตบัณฑิต ทั้งหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก ซึ่งแต่ละหลักสูตรของ คณะ ICT ได้มาตรฐานในระดับสากล ตามหลักสูตรของ ACM และ IEEE ซึ่งผู้ที่จบการศึกษาจะมีความรู้ความสามารถในทางคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติงานในระดับบริหาร เป็นนักวิจัยหรือนักวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ คณะ ICT มหาวิทยาลัยมหิดล น้องๆ สามารถเลือกเรียนในสาขา ต่างๆ ได้ 4 สาขา ดังนี้วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science)เป็นสาขาที่เรียนเกี่ยวข้องกับหลักการและทฤษฎีทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ อาทิ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูล การสื่อสารข้อมูล การออกแบบและพัฒนาระบบงาน คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง เป็นต้นระบบเชิงข้อมูลและระบบเชิงปัญญา (Databases and Intelligent Systems)ในสาขานี้ น้องๆ จะได้เรียนวิชาเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีฐานข้อมูล อาทิ การจัดการฐานข้อมูล และระบบฐานความรู้ คลังข้อมูลและการค้นข้อมูล การเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ระบบสารสนเทศในองค์กร การวิเคราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศ การจัดการและการปฏิบัติงานโครงการ เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ การเรียนรู้ของเครื่องและระบบเชิงฉลาด การประมวลผลภาษาทางธรรมชาติ การประมวลผลและรู้จำภาพ ตัวอักษร และเสียง ฯลฯ เป็นต้นระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E- Business Systems)เป็นสาขาที่เรียนเกี่ยวกับทางด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารในการบริหารจัดการและพัฒนาระบบสารสนเทศต่างๆในองค์กร และที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ การวิเคราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศเพื่อการทำธุรกรรมในและนอกองค์กร ระบบการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การวิเคราะห์การตัดสินใจทางธุรกิจ เทคโนโลยีและการประยุกต์อินเตอร์เน็ตระบบสื่อผสม (Multimedia Systems)เป็นสาขาที่เรียนเกี่ยวกับทางด้านเทคโนโลยี Multimedia และการประยุกต์ใช้งาน Multimedia ในงานต่างๆ อาทิ การพัฒนาและการประยุกต์ Multimedia เทคโนโลยีของข้อมูล Multimedia การประมวลผลข้อมูลภาพแบบดิจิตอล การทำภาพเคลื่อนไหวโดยคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนคณะ ICT ให้ความสำคัญต่อการจัดบริเวณพื้นที่เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ และรองรับต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ของนักศึกษา โดยคำนึงประโยชน์สูงสุด และความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงการออกแบบให้มีความทันสมัย ICT ส่งเสริมให้นักศึกษา ICT ทุกคนได้มีการศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง ในลักษณะ Self Study โดยเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่องได้ในทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้น ภายในอาคาร จึงมีการจัดพื้นที่บริเวณ สวนน้ำตก ICT ซึ่งติดตั้งระบบ MU-Wifi ให้นักศึกษาทำการบ้าน ค้นคว้าผ่าน Internet ได้กับธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีการจัดพื้นที่ในทุกชั้นให้นักศึกษาเรียนรู้การ Discussion และ การทำ Group Projectห้องเรียน และห้อง LAB พร้อมอุปกรณ์การเรียนที่ครบครันทันสมัย และเพียงพอกับปริมาณนักศึกษา ทำให้การค้นคว้าหาข้อมูล และการทำงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ทั้งในเวลาเรียน และนอกเวลาเรียน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพการใช้บันไดเลื่อนเพื่อการจราจรที่ลื่นไหลภายในอาคาร ในช่วงเวลาเริ่ม และหมดคาบวิชาแต่ละคาบ การจราจร ภายในอาคารจะหนาแน่นมาก อาคารเรียนของคณะ ICT ได้ติดตั้งระบบบันไดเลื่อนเพื่อการ จราจร ที่สามารถรองรับนักศึกษาเกือบ 1,000 คนได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นในช่วงเวลาที่คับคั่ง นักศึกษา ควรใช้บันไดเลื่อนเป็นช่องทางที่สามารถเคลื่อนย้ายนักศึกษาจำนวนมากในเวลาอันสั้น ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยในเวลาเริ่มเรียนบันไดเลื่อนจะช่วยนำนักศึกษา ไปสู่ชั้นเรียนในชั้นต่างๆ เพิ่มเติมจากบันไดธรรมดาพื้นที่ชั้น 4 ของอาคาร เป็นพื้นที่ห้องประชุม ICT Grand Auditorium และมีโถง Bits & Bytes Hall เป็นโถงเอนกประสงค์ ที่ใช้สำหรับกิจกรรมวิชาการนักศึกษา และการจัดอบรมสัมมนาและนิทรรศการวิชาการ รวมถึงการแสดงผลงานหรือโครงงานวิจัยด้านสื่อผสมและกราฟฟิก ในห้อง MultimedEx (Multimedia Exhibition Room)ที่คณะ ICT ส่งเสริมให้นักศึกษาได้เข้าร่วมแข่งขันกิจกรรมต่างๆ ทั้งระดับชาติ และนานาชาติ โดยมีคณาจารย์ของคณะเป็นที่ปรึกษา และให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ โดยนักศึกษาของคณะฯ สามารถนำวิชาความรู้ และทักษะต่างๆ ที่ได้จากการเรียนรู้ ไปใช้ในการแข่งขัน และได้รับรางวัลอย่างสม่ำเสมอ อาทิชนะเลิศรางวัล Samart Innovation , ชนะเลิศรางวัล Windows Mobile Application Contest, ชนะเลิศรางวัล ICT Contest Festival, รองชนะเลิศรางวัล Microsoft Imagine Cup และรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัลยังมีกิจกรรมอื่นๆ ภายในคณะ ที่นักศึกษาสามารถมีส่วนร่วม เนื่องจาก ICT มุ่งหวังที่จะผลิตบัณฑิต ที่เรียนดี กิจกรรมเด่น พร้อมด้วยจริยธรรม ดังนั้นคณะ จึงได้สนับสนุนให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มทักษะทั้งด้านการเรียน และการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมคณะ ICT มีทุนการศึกษา ประเภท ทุนตลอดหลักสูตร 400,000 บาท และทุนระหว่างปี ให้กับนักเรียนที่เรียนดี โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าหน่วยกิต และค่าบำรุงการศึกษา
เขียนโดย kaew ที่ 4:39 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เขียนโดย kaew ที่ 4:39 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
กฏ10ข้ออันพึ่งประสงค์
จะสอบแล้วเลยเอามาฝาก
1.เวลาทำข้อสอบให้เขียนชื่อ-สกุล ชั้น ให้เรียบร้อย
2.ตรวจดูข้อสอบว่ามีครบทุกข้อหรือเปล่า (เช่น ข้อ1 ข้อ2 ข้อ4) ถ้าขาดหายไปให้รีบแจ้งอาจารย์ทันที
3.อ่านโจทย์อย่างน้อย 2 ครั้ง แล้วจึงตอบ (ตีโจทย์ให้เข้าใจก่อน)
4.ถ้าข้อไหนคิดไม่ออก ให้ข้ามไปทำข้อต่อไปทันที พอเสร็จจึงกลับมาทำข้อที่เหลือเพื่อไม่ให้เสียเวลา
5.ตรวจดูว่าเราใส่คำตอบตรงตามข้อหรือเปล่า ถ้าเป็นกระดาษคำตอบ ให้ตรวจว่าคำตอบตรงกับคำถามหรือเปล่า10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!
6.ถ้าใกล้หมดชั่วโมง ให้รีบตอบให้หมดทุกข้อ ห้ามเว้นไว้ เพราะบางทีอาจจะถูก แต่ถ้าเว้นไม่ก็ไม่มีโอกาสได้คะแนน
7.การอ่านทบทวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากทำข้อสอบแล้วไม่ทบทวน จะมีโอกาสถูกแค่ 80%
8.เวลาอ่านหนังสือ ไม่ควรอ่านหลายวิชาพร้อมๆกัน เพราะอาจงงเวลาสอบได้
9.ความเป็นระเบียบเวลาทำข้อสอบอัตนัย (บรรยาย)เราต้องเขียนให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้อ่านง่าย และมีโอกาสถูกเพิ่มขึ้นถึง 5%
10.วิธีสุดท้ายนี้ได้มาจากอาจารย์ คือ เวลาทำข้อสอบต้องมั่นใจให้ได้ 50% ขึ้นไป เช่น ข้อสอบ 100 ข้อ ต้องมั่นใจว่าถูกกว่า 50 ข้อ แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว
เขียนโดย kaew ที่ 5:06 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
1.เวลาทำข้อสอบให้เขียนชื่อ-สกุล ชั้น ให้เรียบร้อย
2.ตรวจดูข้อสอบว่ามีครบทุกข้อหรือเปล่า (เช่น ข้อ1 ข้อ2 ข้อ4) ถ้าขาดหายไปให้รีบแจ้งอาจารย์ทันที
3.อ่านโจทย์อย่างน้อย 2 ครั้ง แล้วจึงตอบ (ตีโจทย์ให้เข้าใจก่อน)
4.ถ้าข้อไหนคิดไม่ออก ให้ข้ามไปทำข้อต่อไปทันที พอเสร็จจึงกลับมาทำข้อที่เหลือเพื่อไม่ให้เสียเวลา
5.ตรวจดูว่าเราใส่คำตอบตรงตามข้อหรือเปล่า ถ้าเป็นกระดาษคำตอบ ให้ตรวจว่าคำตอบตรงกับคำถามหรือเปล่า10 วิธีปฏิบัติ..ไม่พลาดในการสอบ !!!
6.ถ้าใกล้หมดชั่วโมง ให้รีบตอบให้หมดทุกข้อ ห้ามเว้นไว้ เพราะบางทีอาจจะถูก แต่ถ้าเว้นไม่ก็ไม่มีโอกาสได้คะแนน
7.การอ่านทบทวนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากทำข้อสอบแล้วไม่ทบทวน จะมีโอกาสถูกแค่ 80%
8.เวลาอ่านหนังสือ ไม่ควรอ่านหลายวิชาพร้อมๆกัน เพราะอาจงงเวลาสอบได้
9.ความเป็นระเบียบเวลาทำข้อสอบอัตนัย (บรรยาย)เราต้องเขียนให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้อ่านง่าย และมีโอกาสถูกเพิ่มขึ้นถึง 5%
10.วิธีสุดท้ายนี้ได้มาจากอาจารย์ คือ เวลาทำข้อสอบต้องมั่นใจให้ได้ 50% ขึ้นไป เช่น ข้อสอบ 100 ข้อ ต้องมั่นใจว่าถูกกว่า 50 ข้อ แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว
เขียนโดย kaew ที่ 5:06 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ตารางลดความอวนใขมัน
วันจันทร์, กันยายน 21, 2009
ตารางลดความอวนใขมัน
วันหนึ่งคนเราจะกินเกิน 2,000 แคโรรี่ ให้คนเราดูฉลสกโภชนาการอาหารให้คำนวณแคโรรี่ต่อวันไม่เกิน 1,800 จะทำให้น้ำหนักลดลงเพราะคนปรกติ กินเกิน 2,000 กิโลแคโรรี่ต่อวันถึ่ว 2,600 ทำให้พลังงานเกินและสะสมจนกลายเป็นโรคอ้วนได้ ข้าว 1 ทัพพี มี 340 กิโลแคโรรี่แกงผักล้วน ๆ จะมีประมาณ 350 กิโลแคโรรี่/ทัพพีเพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ทุกคนไม่ควรกินเกิน 1,800 นะคับเเล้วยังไม่เกิดโรคเบาหวานด้วยนะเพราะโรคเบาหวานสามารถเกิดได้ทุกคนในเด็กละผู้ใหญ เกิดจากการกินเกินอัตตราเเคดรรี่ ถ้าควบคุมอาหารได้ตามนี้ได้สามารถดูเเลสุขภาพได้เป็นอย่างดีละไม่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิดสูง ใขมันในเส้นเลือด ควรกินผักมากกว่า เนื้นสัตว์ไห้ได้เเค่ 5-8คำต่อวันนะคับ
เขียนโดย kaew ที่ 5:23 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ตารางลดความอวนใขมัน
วันหนึ่งคนเราจะกินเกิน 2,000 แคโรรี่ ให้คนเราดูฉลสกโภชนาการอาหารให้คำนวณแคโรรี่ต่อวันไม่เกิน 1,800 จะทำให้น้ำหนักลดลงเพราะคนปรกติ กินเกิน 2,000 กิโลแคโรรี่ต่อวันถึ่ว 2,600 ทำให้พลังงานเกินและสะสมจนกลายเป็นโรคอ้วนได้ ข้าว 1 ทัพพี มี 340 กิโลแคโรรี่แกงผักล้วน ๆ จะมีประมาณ 350 กิโลแคโรรี่/ทัพพีเพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ทุกคนไม่ควรกินเกิน 1,800 นะคับเเล้วยังไม่เกิดโรคเบาหวานด้วยนะเพราะโรคเบาหวานสามารถเกิดได้ทุกคนในเด็กละผู้ใหญ เกิดจากการกินเกินอัตตราเเคดรรี่ ถ้าควบคุมอาหารได้ตามนี้ได้สามารถดูเเลสุขภาพได้เป็นอย่างดีละไม่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิดสูง ใขมันในเส้นเลือด ควรกินผักมากกว่า เนื้นสัตว์ไห้ได้เเค่ 5-8คำต่อวันนะคับ
เขียนโดย kaew ที่ 5:23 ก่อนเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เมืองแห่งความมหัศจรรย์
ดูไบ เมืองแห่งความมหัศจรรย์ ดูไบ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้ง อยู่ทางภาคเหนือของประเทศมีพื้นที่ประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1,674,527 คน ดูไบถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ เพราะที่ถูกผันแปรจากดินแดนทะเลทรายมาสู่ความมั่งคั่งในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์กลางธุรกิจ ไม่จำกัดเฉพาะการค้าน้ำมันแบบก่อนๆ ขณะที่ตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นทั่วเมือง รวมถึงตึกสูงสุดในโลกกว่า 180 ชั้นที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ว่ากันว่าเครนที่ใช้งานก่อสร้างในโลกขณะนี้ กว่า 40% อยู่ในดูไบ (โอ้โห) และรายได้หลักของชาวดูไบมาจากหลายทาง ไม่เฉพาะการขายน้ำมันถือที่ถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ เพราะมีการผลิตน้ำมันสู่ตลาดโลกวันละ 2-2.5 ล้านบาร์เรล หากคิดรายได้เป็นเงินไทยตกวันละร่วมหมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่ประชากรเป็นชาวต่างชาติที่เข้าไปอาศัย กว่า 75% ที่นี่จึงนับเป็นเมืองน่าสนใจที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีสูงที่สุดในโลกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ นอกจากนี้ หากมาดูไบและไม่ได้พูดถึงหรือไม่ได้มาเดินแถว Gold Souk ก็ถือว่าไม่ได้มาถึงดูไบ เพราะที่นี้ถือเป็นตลาดทองรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ขอเตือนว่าหากมาเดินย่านนี้คงต้องสวมแว่นกันแดดติดตามาด้วย เพื่อความปลอดภัยของสายตาท่าน (ก็แสงแดดที่ส่องสะท้อนมายังทองดูไบดูแล้วเจิดจ้าบาดตาจริงๆ) อะๆ ดูไบไม่ได้มีสถานที่เที่ยวเท่านี้นะ แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันดี...
หมู่เกาะต้นปาล์ม หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali
เขียนโดย kaew ที่ 8:42 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
หมู่เกาะต้นปาล์ม หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali
เขียนโดย kaew ที่ 8:42 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
อาคารเบิร์จดูไบ เบิร์จดูไบ
อาคารเบิร์จดูไบ เบิร์จดูไบ (ภาษาอาหรับ: برج دبي , Burj Dubai - หอคอยดูไบ) เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในย่านกลางเมืองดูไบ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะถูกจัดเป็นอาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก กำหนดให้เข้าใช้งานได้ในต้นปี พ.ศ. 2552 ณ โดยจะสร้างให้มีความสูงประมาณ 818 เมตร ในดูไบยังมีโครงการก่อสร้างตึกในชื่อว่า อัลเบิร์จ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบและวางแผน โดยความสูงยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน โดยประมาณการว่าอาจจะสูงอย่างน้อย 800 เมตรการตกแต่งภายในจะบ่างออกเป็นโรงแรมอาร์มานี 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นออฟฟิศสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ และตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 40 ไมล์/ชั่วโมง)
เบิร์จอัลอาหรับ เบิร์จอัลอาหรับ (ภาษาอาหรับ: برج العرب , Burj al-Arab) เป็นโรงแรมหรูหราและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 321 เมตร (1,053 ฟุต) โดยตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เบิร์จอัลอาหรับเป็นเจ้าของโดย จูเมราฮ์ การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยตัวตึกออกแบบมีลักษณะคล้ายเรือใบ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ ส่วนห้องในโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตารางเมตร (1,819 ตารางฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตารางเมตร (8,396 ตารางฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ $1,000 -$15,000 ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา $28,000 ต่อคืน
เขียนโดย kaew ที่ 9:15 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เบิร์จอัลอาหรับ เบิร์จอัลอาหรับ (ภาษาอาหรับ: برج العرب , Burj al-Arab) เป็นโรงแรมหรูหราและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 321 เมตร (1,053 ฟุต) โดยตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เบิร์จอัลอาหรับเป็นเจ้าของโดย จูเมราฮ์ การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยตัวตึกออกแบบมีลักษณะคล้ายเรือใบ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ ส่วนห้องในโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตารางเมตร (1,819 ตารางฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตารางเมตร (8,396 ตารางฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ $1,000 -$15,000 ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา $28,000 ต่อคืน
เขียนโดย kaew ที่ 9:15 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
ปาป้า ปาญ่า อีสานไทย สไตล์ฝรั่ง
วันจันทร์, กันยายน 21, 2009
ปาป้า ปาญ่า อีสานไทย สไตล์ฝรั่ง
ปาป้า ปาญ่า อีสานไทย สไตล์ฝรั่งคอลัมน์ หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกันถ้าจะกินไก่ย่างให้แจ๋วแหวว ต้องนึกถึง "โคราช" เอาไว้ก่อน ในยามที่ "สูตรอีสานแท้" หาลำบากยิ่งเข้าไปทุกวี่ทุกวันแต่เกิดมีสิ่งตรงกันข้าม มีศูนย์อาหารแห่งใหม่ อยู่สี่แยกสามย่าน จุดที่อดีตเคยเป็นร้านอาหารเก่าๆ ชื่อดังฝังตัวอยู่หลายร้าน ทุกวันนี้ถูกนำมาแปลงร่างเป็น "จัตุรัสจามจุรีสแควร์" เปิดมาไม่นาน กลายเป็นแหล่งนัดพบปะของเด็กวัยรุ่นแห่งใหม่ มีร้านอาหารชื่อดังหลากหลายมาเปิดประชัน หวังดูดสตังค์เด็กวัยรุ่นกันมากมายฉีก ตลาด แหวกแนวกว่าใครเพื่อน คือร้าน "ปาป้า ปาญ่า" หรือ PapaPaya กึ่งลูกผสมกลมกลืน ชื่อฝรั่ง ขาย "ส้มตำ-ไก่ย่าง-ลาบหมูทอด" อยู่ชั้นหนึ่ง ตรงกลางตึก มีรูปส้มตำปู ไก่ย่างติดอยู่หน้าร้าน คงจะสื่อนัยยะว่า อาหารเด็ดคือ "ไก่ย่าง" ต้องเป็นหนึ่งในเมนูเป็นการนำไก่กระทงบ้านมาหมักด้วยเครื่องเทศและกะทิสด เมื่อนำขึ้นเตาย่าง กลิ่นเครื่องเทศผสมกับกะทิสดจะออกมาหอมหวนพอดิบพอดี เนื้อไก่จะนุ่ม หนังกรอบ"ไก่หนุ่ม" เนื้อไม่เหนียว ย่างออกมาไม่แห้ง กระดูกยังแดงๆ น่ากินชะมัด ได้น้ำจิ้มสูตรของร้านมาช่วยอีกหน่อย..หายห่วง บอกแล้วว่า "ปาป้า ปาญ่า" หนักไปทางไทยอีสาน มีส้มตำปู ส้มตำไข่เค็ม และตำปูนิ่มทอดกรอบ เพื่อความคล่องคอ สั่งต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อนมาอีกอย่างผมมีสูตรการกินอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากรสชาติอาหารจะพอใช้ได้ ไม่ถึงกับ**ะเชะ ไปทุกอย่างที่สั่งขึ้นโต๊ะ แต่องค์ประกอบอื่น ผมยึดถือเป็นหัวใจสำคัญในการกินคือ "อาหารสะอาด" ที่ "ปาป้า ปาญ่า" ผมรับประกัน ทั้งอาหารผักสด ไม่ว่าจะเป็นถั่วฝักยาว แตงกวา และกะหล่ำปลี ไม่มีที่ติเมื่อมาเปิดบริการใน "จัตุรัสจามจุรี" ในแหล่งวัยรุ่น และเป็นวัยรุ่นไฮโซ ถึงจะขายส้มตำ ไก่ย่าง ต้มแซ่บ สิ่งที่ละเลยอีกไม่ได้เด็ดขาดคือ "การตกแต่ง" เจ้าของดูจะมีรสนิยม เพดานสูง โต๊ะ เก้าอี้ เลือกใช้ไม้แท้ๆ เอาผ้าขาวม้าที่มีสีสันสดใสมาหุ้ม ดูสวยงามแบบไทยแท้ ใครแวะเวียนไป "จัตุรัสจามจุรี สแควร์" ลองเข้าไปชิม "ปาป้า ปาญ่า" ดู รับรองไม่มีผิดหวัง
เขียนโดย kaew ที่ 9:28 หลังเที่ยง
ปาป้า ปาญ่า อีสานไทย สไตล์ฝรั่ง
ปาป้า ปาญ่า อีสานไทย สไตล์ฝรั่งคอลัมน์ หิวหรืออิ่มก็ยิ้มพอกันถ้าจะกินไก่ย่างให้แจ๋วแหวว ต้องนึกถึง "โคราช" เอาไว้ก่อน ในยามที่ "สูตรอีสานแท้" หาลำบากยิ่งเข้าไปทุกวี่ทุกวันแต่เกิดมีสิ่งตรงกันข้าม มีศูนย์อาหารแห่งใหม่ อยู่สี่แยกสามย่าน จุดที่อดีตเคยเป็นร้านอาหารเก่าๆ ชื่อดังฝังตัวอยู่หลายร้าน ทุกวันนี้ถูกนำมาแปลงร่างเป็น "จัตุรัสจามจุรีสแควร์" เปิดมาไม่นาน กลายเป็นแหล่งนัดพบปะของเด็กวัยรุ่นแห่งใหม่ มีร้านอาหารชื่อดังหลากหลายมาเปิดประชัน หวังดูดสตังค์เด็กวัยรุ่นกันมากมายฉีก ตลาด แหวกแนวกว่าใครเพื่อน คือร้าน "ปาป้า ปาญ่า" หรือ PapaPaya กึ่งลูกผสมกลมกลืน ชื่อฝรั่ง ขาย "ส้มตำ-ไก่ย่าง-ลาบหมูทอด" อยู่ชั้นหนึ่ง ตรงกลางตึก มีรูปส้มตำปู ไก่ย่างติดอยู่หน้าร้าน คงจะสื่อนัยยะว่า อาหารเด็ดคือ "ไก่ย่าง" ต้องเป็นหนึ่งในเมนูเป็นการนำไก่กระทงบ้านมาหมักด้วยเครื่องเทศและกะทิสด เมื่อนำขึ้นเตาย่าง กลิ่นเครื่องเทศผสมกับกะทิสดจะออกมาหอมหวนพอดิบพอดี เนื้อไก่จะนุ่ม หนังกรอบ"ไก่หนุ่ม" เนื้อไม่เหนียว ย่างออกมาไม่แห้ง กระดูกยังแดงๆ น่ากินชะมัด ได้น้ำจิ้มสูตรของร้านมาช่วยอีกหน่อย..หายห่วง บอกแล้วว่า "ปาป้า ปาญ่า" หนักไปทางไทยอีสาน มีส้มตำปู ส้มตำไข่เค็ม และตำปูนิ่มทอดกรอบ เพื่อความคล่องคอ สั่งต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อนมาอีกอย่างผมมีสูตรการกินอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากรสชาติอาหารจะพอใช้ได้ ไม่ถึงกับ**ะเชะ ไปทุกอย่างที่สั่งขึ้นโต๊ะ แต่องค์ประกอบอื่น ผมยึดถือเป็นหัวใจสำคัญในการกินคือ "อาหารสะอาด" ที่ "ปาป้า ปาญ่า" ผมรับประกัน ทั้งอาหารผักสด ไม่ว่าจะเป็นถั่วฝักยาว แตงกวา และกะหล่ำปลี ไม่มีที่ติเมื่อมาเปิดบริการใน "จัตุรัสจามจุรี" ในแหล่งวัยรุ่น และเป็นวัยรุ่นไฮโซ ถึงจะขายส้มตำ ไก่ย่าง ต้มแซ่บ สิ่งที่ละเลยอีกไม่ได้เด็ดขาดคือ "การตกแต่ง" เจ้าของดูจะมีรสนิยม เพดานสูง โต๊ะ เก้าอี้ เลือกใช้ไม้แท้ๆ เอาผ้าขาวม้าที่มีสีสันสดใสมาหุ้ม ดูสวยงามแบบไทยแท้ ใครแวะเวียนไป "จัตุรัสจามจุรี สแควร์" ลองเข้าไปชิม "ปาป้า ปาญ่า" ดู รับรองไม่มีผิดหวัง
เขียนโดย kaew ที่ 9:28 หลังเที่ยง
แก่งกระจาน ขึ้นมรดกโลก
แก่งกระจาน ขึ้นมรดกโลก ความหวังที่คนไทยรอคอย
เรื่องราวของ "เขาพระวิหาร" ที่เป็นกรณีอื้อฉาวระหว่างไทยกับกัมพูชา กำลังเข้มข้นอยู่ในเวลานี้ ผลการเจรจาหรือตอนจบเป็นอย่างไร...ต้องติดตามแบบไม่กะพริบตาและก่อนจะเข้าไคลแมกซ์ถึงจุดที่ว่า คนไทยมีประเด็นเกี่ยวกับมรดกโลกขึ้นมาให้ถกเถียงกันอีกแล้ว เป็นเรื่องของ "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" พื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ ที่ถือเป็นศูนย์รวมของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าหลากชนิด เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวผ่าน กลุ่มป่าแก่งกระจานกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการนำเสนอเพื่อเป็นมรดกโลก เป็นการนำเสนอต่อ องค์การยูเนสโก ซึ่งในปัจจุบันมีมรดกโลกทั้งหมด 830 แห่ง ใน 138 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 679 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 174 แห่ง และอีก 25 แห่งเป็นแบบผสมทั้งสองประเภท ส่วนในประเทศไทยนั้นมีมรดกโลกอยู่ทั้งสิ้น 8 แห่ง และถ้าหากบ้านเราจะมีมรดกโลกเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี ฉะนั้น "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" จึงเป็นอีกความหวังในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกดร.ดรรชนี เอมพันธุ์ หัวหน้าภาควิชาอนุรักษวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า บนพื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ กลุ่มป่าแก่งกระจานมีการกระจายตัวของเขตภูมิพฤกษ์ รวมถึงสภาพปัจจัยทางสิ่งแวด ล้อมที่เอื้ออำนวย ทั้งสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศ จึงเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ และยังมีระบบนิเวศป่าบกถึง 5 ประเภท คือ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ และป่าเต็งรัง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้แก่งกระจานกลายเป็นศูนย์รวมของพันธุ์พืชกว่า 1,199 ชนิด และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าถึง 720 สายพันธุ์ดังนั้น จึงมีความเหมาะสมที่ประเทศไทยจะเสนอให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทาง ธรรมชาติ โดยเสนอผ่านเกณฑ์ความหลากหลายทางชีวภาพ"สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พื้นที่แห่งนี้ได้เป็นมรดกโลก คือการค้นพบ จระเข้น้ำจืด ที่เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 3 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ก่อนหน้านี้ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะมีจระเข้ เพราะพบเห็นเพียงร่องรอย แต่ในภายหลังเราได้พบตัวและยังมีการวางไข่อีกด้วย ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก" อาจารย์สาวกล่าวอาจารย์ดรรชนี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เอกลักษณ์ของระบบนิเวศของป่าแก่งกระจานก็ไม่แพ้ที่ใดในเอเชีย พื้นที่แห่งนี้ยังถูกประกาศให้เป็น เขตอนุรักษ์พันธุ์เสือโคร่ง รวมถึงเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลก อีกด้วย "มั่นใจว่าหากมีการเสนอป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก น่าจะมีโอกาส 70-80% ที่จะได้รับเลือก"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจารย์สาวแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กังวล นั่นคือการให้ความรู้ความเข้าใจกับคนในพื้นที่ เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับจระเข้ "ชาวบ้านอาจจะทำร้าย หรือเข้าไปรบกวนจระเข้ โดยกระทำลงไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งหลังจากที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว พบเห็นร่องรอยการมาตั้งแคมป์บริเวณที่อยู่อาศัยของจระเข้ ซึ่งเมื่อจระเข้รู้สึกว่าถูกรุกราน อาจทำให้ย้ายที่อยู่ไปจนถึงหยุดการผสมพันธุ์นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ได้"อีกทั้งสิ่งที่อาจารย์สาวพบ คือมีการขโมยไข่จระเข้ไปขายตามใบสั่ง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้บางทีไม่อยากเปิดเผยออกไปสำหรับขั้นตอนในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก อาจารย์ดรรชนีอธิบายว่า สิ่งแรกที่ต้องจัดทำ คือ เอกสารบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อส่งให้กับทางยูเนสโกพิจารณา เป็นการแสดงเจตจำนงว่าประเทศไทยต้องการเสนอกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากทางยูเนสโก เขาก็จะอนุญาตให้ส่งแฟ้มข้อมูล (Nomination File) เพื่อให้คณะกรรมการร่วมกันตัดสินใจอีกที ว่าพื้นที่แห่งนี้มีคุณค่ามากพอที่จะเป็นมรดกโลกหรือไม่"เอกสารที่กล่าวถึงนี้ต้องใช้เวลาในการรวบรวมทั้งสิ้น 1 ปี และเวลานี้เอกสารได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมให้คณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติพิจารณา แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะพิจารณาได้เร็วหรือช้า แต่เวลานี้น่าจะเริ่มต้นได้แล้ว ดังนั้น ความคาดหวังของเราคือการส่งเอกสารนำเสนอให้ทันเส้นตายในเดือนกุมภาพันธ์ของ แต่ละปี ซึ่งจะต้องมีการเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2010" "อยากบอกว่ายูเนสโก สิ่งหนึ่งที่เขาให้ความสำคัญและจับตามองมาก คือการให้ความสำคัญกับพื้นที่ของคนในท้องถิ่นและคนไทยทั้งประเทศ เพราะเขาต้องการทราบว่าการที่เราขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น คนไทยส่วนใหญ่อยากจะได้จริงหรือเปล่า รวมถึงมีการรับรู้และเห็นชอบมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการจัดการ เพราะถ้าพื้นที่ดีมากแต่การจัดการไม่ดี การรักษาให้คงอยู่ก็ทำได้ยาก"
เขียนโดย kaew ที่ 9:33 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
เรื่องราวของ "เขาพระวิหาร" ที่เป็นกรณีอื้อฉาวระหว่างไทยกับกัมพูชา กำลังเข้มข้นอยู่ในเวลานี้ ผลการเจรจาหรือตอนจบเป็นอย่างไร...ต้องติดตามแบบไม่กะพริบตาและก่อนจะเข้าไคลแมกซ์ถึงจุดที่ว่า คนไทยมีประเด็นเกี่ยวกับมรดกโลกขึ้นมาให้ถกเถียงกันอีกแล้ว เป็นเรื่องของ "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" พื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ ที่ถือเป็นศูนย์รวมของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าหลากชนิด เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเทือกเขาตะนาวศรีทอดตัวผ่าน กลุ่มป่าแก่งกระจานกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการนำเสนอเพื่อเป็นมรดกโลก เป็นการนำเสนอต่อ องค์การยูเนสโก ซึ่งในปัจจุบันมีมรดกโลกทั้งหมด 830 แห่ง ใน 138 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 679 แห่ง มรดกโลกทางธรรมชาติ 174 แห่ง และอีก 25 แห่งเป็นแบบผสมทั้งสองประเภท ส่วนในประเทศไทยนั้นมีมรดกโลกอยู่ทั้งสิ้น 8 แห่ง และถ้าหากบ้านเราจะมีมรดกโลกเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี ฉะนั้น "กลุ่มป่าแก่งกระจาน" จึงเป็นอีกความหวังในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกดร.ดรรชนี เอมพันธุ์ หัวหน้าภาควิชาอนุรักษวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า บนพื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ กลุ่มป่าแก่งกระจานมีการกระจายตัวของเขตภูมิพฤกษ์ รวมถึงสภาพปัจจัยทางสิ่งแวด ล้อมที่เอื้ออำนวย ทั้งสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศ จึงเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพ และยังมีระบบนิเวศป่าบกถึง 5 ประเภท คือ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ และป่าเต็งรัง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้แก่งกระจานกลายเป็นศูนย์รวมของพันธุ์พืชกว่า 1,199 ชนิด และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าถึง 720 สายพันธุ์ดังนั้น จึงมีความเหมาะสมที่ประเทศไทยจะเสนอให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทาง ธรรมชาติ โดยเสนอผ่านเกณฑ์ความหลากหลายทางชีวภาพ"สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พื้นที่แห่งนี้ได้เป็นมรดกโลก คือการค้นพบ จระเข้น้ำจืด ที่เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 3 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ก่อนหน้านี้ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะมีจระเข้ เพราะพบเห็นเพียงร่องรอย แต่ในภายหลังเราได้พบตัวและยังมีการวางไข่อีกด้วย ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมาก" อาจารย์สาวกล่าวอาจารย์ดรรชนี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เอกลักษณ์ของระบบนิเวศของป่าแก่งกระจานก็ไม่แพ้ที่ใดในเอเชีย พื้นที่แห่งนี้ยังถูกประกาศให้เป็น เขตอนุรักษ์พันธุ์เสือโคร่ง รวมถึงเป็น พื้นที่ชุ่มน้ำระดับโลก อีกด้วย "มั่นใจว่าหากมีการเสนอป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก น่าจะมีโอกาส 70-80% ที่จะได้รับเลือก"อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาจารย์สาวแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กังวล นั่นคือการให้ความรู้ความเข้าใจกับคนในพื้นที่ เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับจระเข้ "ชาวบ้านอาจจะทำร้าย หรือเข้าไปรบกวนจระเข้ โดยกระทำลงไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งหลังจากที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว พบเห็นร่องรอยการมาตั้งแคมป์บริเวณที่อยู่อาศัยของจระเข้ ซึ่งเมื่อจระเข้รู้สึกว่าถูกรุกราน อาจทำให้ย้ายที่อยู่ไปจนถึงหยุดการผสมพันธุ์นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ได้"อีกทั้งสิ่งที่อาจารย์สาวพบ คือมีการขโมยไข่จระเข้ไปขายตามใบสั่ง ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้บางทีไม่อยากเปิดเผยออกไปสำหรับขั้นตอนในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก อาจารย์ดรรชนีอธิบายว่า สิ่งแรกที่ต้องจัดทำ คือ เอกสารบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อส่งให้กับทางยูเนสโกพิจารณา เป็นการแสดงเจตจำนงว่าประเทศไทยต้องการเสนอกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากทางยูเนสโก เขาก็จะอนุญาตให้ส่งแฟ้มข้อมูล (Nomination File) เพื่อให้คณะกรรมการร่วมกันตัดสินใจอีกที ว่าพื้นที่แห่งนี้มีคุณค่ามากพอที่จะเป็นมรดกโลกหรือไม่"เอกสารที่กล่าวถึงนี้ต้องใช้เวลาในการรวบรวมทั้งสิ้น 1 ปี และเวลานี้เอกสารได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมให้คณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติพิจารณา แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะพิจารณาได้เร็วหรือช้า แต่เวลานี้น่าจะเริ่มต้นได้แล้ว ดังนั้น ความคาดหวังของเราคือการส่งเอกสารนำเสนอให้ทันเส้นตายในเดือนกุมภาพันธ์ของ แต่ละปี ซึ่งจะต้องมีการเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2010" "อยากบอกว่ายูเนสโก สิ่งหนึ่งที่เขาให้ความสำคัญและจับตามองมาก คือการให้ความสำคัญกับพื้นที่ของคนในท้องถิ่นและคนไทยทั้งประเทศ เพราะเขาต้องการทราบว่าการที่เราขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนั้น คนไทยส่วนใหญ่อยากจะได้จริงหรือเปล่า รวมถึงมีการรับรู้และเห็นชอบมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการจัดการ เพราะถ้าพื้นที่ดีมากแต่การจัดการไม่ดี การรักษาให้คงอยู่ก็ทำได้ยาก"
เขียนโดย kaew ที่ 9:33 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
5 'อย่า” เมื่อคุณจะนอน
วันจันทร์, กันยายน 21, 2009
5 'อย่า” เมื่อคุณจะนอน
• อย่าที่ 1 คือ อย่านอนหลับไปพร้อมๆ กับนาฬิกาข้อมือ ก็เพราะขณะที่นาฬิกาเจ้ากรรมทำงานไปเรื่อยๆ นั้น เจ้านาฬิกาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น เชื่อมั้ยว่าการใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาวเลย• อย่าที่ 2 นี่ สำหรับพวกชอบคุยโทรศัพท์มือถือจนหลับโดยเฉพาะเลย ไม่ควรนอนหลับไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์เท่า นั้น แต่หมายรวมไปถึงการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ตัวด้วย บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ใกลตัวที่สุดเมื่อจะนอนซะเถอะ ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูกๆ ดีๆ เก๋ๆ มาใช้ดีกว่า เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วเนี่ย จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้ และเจ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาทซะด้วยสิ เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า พอปิดโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะวางไว้ใกล้หรือไกลก็หายห่วง• อย่าที่ 3 ง่ายๆ สั้นๆ คือ อย่าหลับพร้อมๆ กับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าขนาดไหน ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆ ที่เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้านั้น จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว กลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนบ้างนะค่ะ• อย่าที่ 4 (สำหรับสาวๆ เท่านั้น) คือ อย่านอนหลับทั้งๆ ที่ยังใส่ยกทรง นักวิ! ทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ ฉะนั้น ก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย ไม่ต้องกลัวเสียทรง ไม่ต้องกลัวอกแบะ ห่วงชีวิตไว้ก่อนดีกว่า• อย่าที่ 5 อันนี้เหมาะกับทุกเพศเลยนะ“อย่านอนกับสามีหรือภรรยาของคนอื่น” เพราะคุณอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย …อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะค่ะใครที่ยังทำทั้ง 5 อย่าอยู่ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ
เขียนโดย kaew ที่ 9:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
5 'อย่า” เมื่อคุณจะนอน
• อย่าที่ 1 คือ อย่านอนหลับไปพร้อมๆ กับนาฬิกาข้อมือ ก็เพราะขณะที่นาฬิกาเจ้ากรรมทำงานไปเรื่อยๆ นั้น เจ้านาฬิกาไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น เชื่อมั้ยว่าการใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาวเลย• อย่าที่ 2 นี่ สำหรับพวกชอบคุยโทรศัพท์มือถือจนหลับโดยเฉพาะเลย ไม่ควรนอนหลับไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์เท่า นั้น แต่หมายรวมไปถึงการวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ตัวด้วย บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ใกลตัวที่สุดเมื่อจะนอนซะเถอะ ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูกๆ ดีๆ เก๋ๆ มาใช้ดีกว่า เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วเนี่ย จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้ และเจ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาทซะด้วยสิ เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า พอปิดโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะวางไว้ใกล้หรือไกลก็หายห่วง• อย่าที่ 3 ง่ายๆ สั้นๆ คือ อย่าหลับพร้อมๆ กับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าขนาดไหน ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆ ที่เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้านั้น จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว กลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนบ้างนะค่ะ• อย่าที่ 4 (สำหรับสาวๆ เท่านั้น) คือ อย่านอนหลับทั้งๆ ที่ยังใส่ยกทรง นักวิ! ทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ ฉะนั้น ก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย ไม่ต้องกลัวเสียทรง ไม่ต้องกลัวอกแบะ ห่วงชีวิตไว้ก่อนดีกว่า• อย่าที่ 5 อันนี้เหมาะกับทุกเพศเลยนะ“อย่านอนกับสามีหรือภรรยาของคนอื่น” เพราะคุณอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย …อันนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะค่ะใครที่ยังทำทั้ง 5 อย่าอยู่ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ
เขียนโดย kaew ที่ 9:41 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
สัตว์ที่มีอวัยวะเพศยาวที่สุด
สัตว์อวัยวะเพศที่ยาวที่สุดในโลกBarnacle เพรียง คือ สัตว์ที่มีอวัยะเพศ ยาวที่สุดในโลก เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่ติดอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ การที่ตัวผู้จะผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ ตัวผู้จำเป็นต้องยืด แล้วก็ ยืด อวัยวะเพศของตัวเองออกไปตามกระแสน้ำ และกระแสน้ำก็มีผลต่อความยาวของ อวัยวะเพศ ของ เพรียงด้วย คือ ถ้ากระแสน้ำเบา เพรียงจะสามารถยืด อวัยวะเพสไปได้ยาว กว่า เมื่อกระแสน้ำแรง จากการศึกษา ของนักศึกษาชื่อว่า Christopher Neufeld กับ ด็อกเตอร์ Richard Palmer จากมหาวิทยลัย Alberta พบว่า เพรียงสามารถยืดได้ยาวถึง 8 เท่าของความยาวลำตัว
( ถ้าเทียบกับคน อวัยวะเพศก็คงยาวราวๆ 13.5 เมตร )
เขียนโดย kaew ที่ 8:22 หลังเที่ยง
( ถ้าเทียบกับคน อวัยวะเพศก็คงยาวราวๆ 13.5 เมตร )
เขียนโดย kaew ที่ 8:22 หลังเที่ยง
เรื่องแปลกบนโลก เรื่องประหลาดบนโลกที่คุณอาจไม่รู้
1. ผีเสื้อรับรสด้วยเท้าของมัน
2. เสียงร้องของเป็ด จะไม่เป็นเสียงสะท้อน (echo) ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
3. ในเวลา 10 นาที พายุเฮอริเคน... มีพลังมากกว่า..พลังงานนิวเคลียร์
4. ช้าง..เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลก ที่ไม่สามารถกระโดดได้
5. ผู้หญิง... กระพริบตา...มากกว่า..ผู้ชาย..ถึง 2 เท่า
6. แปลก... ที่มนุษย์เรา... ไม่สามารถเลียข้อศอก...ของตัวเองได้
7. ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า จมลงในดิน 1 นิ้วทุกปี เพราะวิศวกรลืมคำนวณถึงน้ำหนักหนังสือ
8. หอยทาก...สามารถนอนหลับได้ 3 ปี
9. ตาของเรา...จะขนาดเท่าเดิมตลอด...ตั้งแต่เกิด แต่จมูกและหู...จะไม่หยุดโต
10. เก้าอี้ไฟฟ้า (สำหรับประหารชีวิตนักโทษ) ออกแบบโดยหมอฟัน
11. หมีขั้วโลกทุกตัว...จะถนัดมือซ้ายทั้งนั้น
12. สมัยอียิปต์โบราณ พระ...จะถอนขนทุกเส้นในตัวรวมถึงคิ้วและขนตา....โอยยย
13. ตาของนกกระจอกเทศ ใหญ่กว่า...หัวสมอง..ของมันซะอีก
14. คำว่า ...TYPEWRITER ... เป็นศัพท์ที่ยาวที่สุดที่คุณจะนึกออก.....ในแป้นพิมพ์แถวเดียวกัน
15. เกือบทุกคน..ที่อ่านเรื่องนี้... พยายามที่จะเลียข้อศอกของตัวเอง...
เขียนโดย kaew ที่ 8:24 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
1. ผีเสื้อรับรสด้วยเท้าของมัน
2. เสียงร้องของเป็ด จะไม่เป็นเสียงสะท้อน (echo) ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
3. ในเวลา 10 นาที พายุเฮอริเคน... มีพลังมากกว่า..พลังงานนิวเคลียร์
4. ช้าง..เป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลก ที่ไม่สามารถกระโดดได้
5. ผู้หญิง... กระพริบตา...มากกว่า..ผู้ชาย..ถึง 2 เท่า
6. แปลก... ที่มนุษย์เรา... ไม่สามารถเลียข้อศอก...ของตัวเองได้
7. ห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียนน่า จมลงในดิน 1 นิ้วทุกปี เพราะวิศวกรลืมคำนวณถึงน้ำหนักหนังสือ
8. หอยทาก...สามารถนอนหลับได้ 3 ปี
9. ตาของเรา...จะขนาดเท่าเดิมตลอด...ตั้งแต่เกิด แต่จมูกและหู...จะไม่หยุดโต
10. เก้าอี้ไฟฟ้า (สำหรับประหารชีวิตนักโทษ) ออกแบบโดยหมอฟัน
11. หมีขั้วโลกทุกตัว...จะถนัดมือซ้ายทั้งนั้น
12. สมัยอียิปต์โบราณ พระ...จะถอนขนทุกเส้นในตัวรวมถึงคิ้วและขนตา....โอยยย
13. ตาของนกกระจอกเทศ ใหญ่กว่า...หัวสมอง..ของมันซะอีก
14. คำว่า ...TYPEWRITER ... เป็นศัพท์ที่ยาวที่สุดที่คุณจะนึกออก.....ในแป้นพิมพ์แถวเดียวกัน
15. เกือบทุกคน..ที่อ่านเรื่องนี้... พยายามที่จะเลียข้อศอกของตัวเอง...
เขียนโดย kaew ที่ 8:24 หลังเที่ยง 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้อย่างไร
จะเอาโลกเอาแผ่นดินสิ้นแผ่นฟ้ามาเปรียบกับคุณมารดา
หาได้ไม่พระคุณแม่มีค่ามากเหนืออื่นใด
คอยห่วงใยใส่ใจทุกเวลาคำว่า (แม่)
แม่คำนี้มีค่านักลูกตระหนักถึงพระคุณหนุนใฝ่หา
คอยเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนนมมา
พระคุณหนาล้นพ้นเกินตอบแทน......
หาได้ไม่พระคุณแม่มีค่ามากเหนืออื่นใด
คอยห่วงใยใส่ใจทุกเวลาคำว่า (แม่)
แม่คำนี้มีค่านักลูกตระหนักถึงพระคุณหนุนใฝ่หา
คอยเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนนมมา
พระคุณหนาล้นพ้นเกินตอบแทน......
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
Ports - คืออะไร
=คือช่องสำหรับต่อเชื่อม ซึ่งถูกออกแบบมา สำหรับ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องพิมพ์, สแกนเนอร์, โมเด็ม หรือแม้แต่ ฮาร์ดดิสก์แบบติดตั้งภายนอก สำหรับ Port ที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน
Port ความเร็วสูงที่สุดคืออะไร
Firewire (IEEE 1394)
อุปกรณ์ภายนอก อีกหลายชิ้น ที่ทำการเชื่อมต่ออยู่กับ PC ของคุณมีอะไรบ้าง
=Monito จอภาพKeyboard คีย์บอร์ดMouse เม้าส์Speakers ลำโพง
Power supply มีหน้าที่อะไร
=แปลงไฟฟ้าของระบบ เนื่องจาก อุปกรณ์ทุกชิ้น ที่ติดตั้งอยู่ภายใน PC นั้น จะต้องได้รับ ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง มาจาก Power Supply ด้วยกันทั้งสิ้น
=คือช่องสำหรับต่อเชื่อม ซึ่งถูกออกแบบมา สำหรับ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องพิมพ์, สแกนเนอร์, โมเด็ม หรือแม้แต่ ฮาร์ดดิสก์แบบติดตั้งภายนอก สำหรับ Port ที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน
Port ความเร็วสูงที่สุดคืออะไร
Firewire (IEEE 1394)
อุปกรณ์ภายนอก อีกหลายชิ้น ที่ทำการเชื่อมต่ออยู่กับ PC ของคุณมีอะไรบ้าง
=Monito จอภาพKeyboard คีย์บอร์ดMouse เม้าส์Speakers ลำโพง
Power supply มีหน้าที่อะไร
=แปลงไฟฟ้าของระบบ เนื่องจาก อุปกรณ์ทุกชิ้น ที่ติดตั้งอยู่ภายใน PC นั้น จะต้องได้รับ ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง มาจาก Power Supply ด้วยกันทั้งสิ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)